ร่าง รธน.2558 เกี่ยวกับท้องถิ่น....โดย..ศักดิพงศ์ ธรรมอาชวกุล

institution

 

 

ร่าง รธน.2558 เกี่ยวกับท้องถิ่น
หากมองลองดูกัน แค่ 2 มาตรา (ตอนที่ 1)

...มีเพียง 6 มาตรา เดิมรธน. ปี 2550 มี 10 มาตรา...
ลองมาดู 2 มาตรา

มาตรา 211
เหมือนเดิมครับแต่เพิ่ม


-ท้องถิ่นมีหลายรูปแบบ อาจจะรูปแบบอื่นเพิ่มเติมได้ภายหลังครับ
-รัฐต้องส่งเสริมให้ อบท.เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำบริการสาธารณะ 
-และการจัดทำบริการสาธารณะใดที่ชุมชน หรือบุคคล ทำได้ดี มีมตราฐานไม่นัอยกว่า อบท. 
รัฐหรือ อบท.จะต้องกระจายภารกิจให้เขาทำ ภายใต้การกำกับที่เหมาะสม...(เหมือนบังคับกลายๆให้ อบท.จะต้องมอบภารกิจให้ชุมชน หรือบุคคล ทำภารกิจภายใต้กำกับของ อบท.)

มาตรา 212


-ต้องมีคณะผู้บริหาร /ผู้บริหาร/สมาชิกสภาท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้ง (ไม่ได้ห้ามข้าราชการ ที่มีเงินเดือนประจำ เป็นเหมือนปี 2550)
-หากท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ คณะผู้บริหาร /ผู้บริหาร/สมาชิกสภาทัองถิ่น จะมาโดยวิธีการอื่นก็ได้
-อบท.ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคม อย่างน้อยจะต้องทำคือ
1.พัฒนาคุณภาพชีวิตคนในท้องถิ่น
2.สาธารณูปโภค สาธารณูปการ
3.การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
4.การส่งเสริม รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
5.การพัฒนาเศรษฐกิจพื้นฐาน
6.การศึกษา อบรม 
7.การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น


-อบท.ต้องบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล
-อบท.มีอิสระในการกำหนดนโยบาย การบริหาร การจัดทำบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล และการคลัง โดยคำนึงถึงดุลยภาพของความมีอิสระและการมีมาตรฐานรวมทั้งสอดคล้องกับการพัฒนาจังหวัด ภาค และประเทศโดยส่วนรวม (สอดคล้องกับการพัฒนาเพิ่ม คำว่า ภาค )
-อบท.ต้องมีขนาดและศักยภาพที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด(บังคับให้มีการปรับขนาดท้องถิ่นที่เหมาะสม ปี 2550 ไม่มี)
โดยสามารถจัดทำบริการสาธารณะที่หลากหลาย สามารถสร้างความร่วมมือ กับทั้งภาครัฐ องค์กร /องค์การ เอกชน ได้(ตัวคุณลักษณะของ อบท.ต้องทำได้ขนาดนี้)


-รัฐ ราชการส่วนภูมิภาค และ อบท. ต้องร่วมมือกันดำเนินการตามงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรให้พัฒนาพื้นที่ร่วมกัน ในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย (บังคับให้ทำงานร่วมกันระหว่าง ส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น)


...แค่ 2 มาตรา ครับ ผมลองคิดตามไปเล่นๆโดยเอา รธน.ปี 2550 มาดูไปพร้อมๆกัน ดูอาจจะไม่ตรงใจตามเจตนารมณ์ ของใครๆ ก็อย่าว่ากัน.. 
...เพราะคงมีรายละเอียดใน กม.ลูก นะครับ ตอนนี้อาจจะเขียนกว้างๆเอาไว้ ผมเลยคิดกว้างๆเอาไว้ เช่นกัน...
...เอาแค่ประเด็น สมมุตเล่นๆว่า ถ้าหากข้าราชการประจำ มาสมัครเป็นคณะผู้บริหาร ผู้บริหารท้องถิ่น หรือ สมาชิกสภาท้องถิ่นได้เพราะ รธน.ไม่ได้กำหนดเอาไว้ งานนี้ ฮ่า กันเป็นแถวครับ....

 

...................................

 

ร่าง รธน.2558 เกี่ยวกับท้องถิ่น
ในเวที สปช. (ตอนที่ 2)

 


...เมื่อวานนี้ ยอมรับว่าได้ดูอภิปรายบ้าง ไม่ได้ดูบ้างเพราะมีกิจกรรมตรงกับ"วันเทศบาล"พอดี แต่หาฟังจากทุกฝ่ายแล้วเชื่อว่า ไปได้ดีกว่าเดิม... (ถ้าทำตาม รธน.)


...แต่ที่ไม่สบายใจอย่างหนึ่ง คือ มี สปช.ท่านหนึ่งสายท้องถิ่นที่ตำแหน่งใหญ่โต แต่มักทำตัวเป็นคนจุดไฟอยู่บ่อยๆและในหลายเวทีที่ไปบรรยาย.....


.....และเมื่อวานนี้ สปช.ท่านนี้ ก็บอกว่าในมาตรา 216 (3) คณะกรรมการระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งข้าราชการท้องถิ่นระดับจังหวัด...มีการวิ่งล๊อบบี้กัน จนถูกกำหนดในร่าง รัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ ทั้งๆในคณะกรรมาธิการด้านท้องถิ่นมีมติ 14 เสียง บอกว่าไม่ควรมีคณะกรรมการระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งระดับจังหวัด แต่มีคนเห็นว่าควรมีเพียง 1 ท่าน(สปช.)...นั้นเป็นความคิดเห็นของ สปช.ท่านนี้


....การมีคณะกรรมการชุดนี้ สมควรมีหรือไม่หากสำรวจข้าราชการส่วนกลาง ภูมิภาค เขาบอกว่าควรมีตั้งนานแล้ว เพราะที่ผ่านมามันเกิดปัญหามากมาย ยิ่งนักการเมืองเข้ามาเอาแต่พวกพ้อง และพอมาถึง ข้าราชการท้องถิ่น จะไปบอกว่าไม่ควรมี นั้นดูกะไรอยู่....


....และแถมยังไปบอกว่า มีการวิ่งล๊อบบี้ ซึ่งหากการทำแบบนี้ ฝ่ายการเมือง น่าจะเป็นฝ่ายกระทำมากกว่า ข้าราชการประจำอย่างพวกเราๆนะครับ เพราะท่านถนัดในวิธีการวิ่งล๊อบบี้ นับคะแนนเสียง....


....ที่จริงในมาตรา 216 (3) นั้น มีเป็นการทั่วไป คณะกรรมาธิการยกร่าง จะนำมาใช้เหมือนๆกันในส่วนกลาง ภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ไม่เห็นแปลกตรงไหน...เพราะมันมีที่มาและที่ไป ยกตัวอย่างที่เห็นๆกันอยู่ทุกวันนี้ หากเราไม่ใช้ระบบคุณธรรมในการคัดเลือกคนมาทำงานให้กับอบท.แล้ว ได้คนไม่มีคุณภาพ และ อบท.ต้องรับภาระเลี้ยงคนเหล่านี้ไปจนกว่า อายุ 60 ปีท้องถิ่นจะเสียหายมากน้อยแค่ไหนลองๆคิดดูหรือหากเราได้คนดีมีคุณภาพมาทำงานท้องถิ่นเสียหายตรงไหน ผมไม่เข้าใจครับ
....อิสระในการบริหารงานบุคคลนั้น เจตนารมณ์จริงๆแล้วคือ อิสระ ในการสั่งการให้คนปฎิบัติตามนโยบายที่มุ่งประโยชน์ขององค์กรโดยส่วนรวมนะครับ ไม่ใช้สั่งการแบบเพื่อตัวเองและพวกพ้อง....


....การคัดคนเข้ามาทำงานในองค์กร ถ้าเป็นบริษัทท่าน หรือคัดคนมาทำงานแม่บ้านของท่านเอง ท่านจะไปทำอย่างไร ก็คงไม่มีใครว่า เพราะเงินของท่าน แต่ถ้าหากคัดคนเข้ามาทำงานให้ราชการ ให้หลวง และยังใช้งบประมาณเงินหลวง(เงินท้องถิ่น คือเงินหลวง)เราจะต้องใช้ระบบคุณธรรม เข้ามาจัดการ มิฉะนั้นก็จะเป็นแบบ อปท.ในหลายๆแห่งที่เป็นข่าว....


....และในการประชุม ชี้แจง หลายๆครั้งหากติดตามข่าวจากกรรมาธิการยกร่าง รธน.ก็บอกแล้วว่า ให้เสนอแก้ไขในเวที สปช.จะเสนอก่อนหน้านั้น ยังไม่มีการแก้ไขให้....


...เวลาท่านมาขอต่ออายุต่อผู้มีอำนาจใน คสช.เพื่อ เอาคนที่หมดวาระไปแล้วกลับมาทำหน้าที่ใหม่ บอกว่าข้าราชการท้องถิ่น ทำงานไม่เป็น ไม่เสียสละ พวกเราบอกว่าให้เลือกตั้งไปเลยก็ได้จะได้จบ แต่สุดท้ายก็ต่ออายุให้ฝ่ายการเมือเราไม่เคยว่าเลย...


....หรือในการยกร่าง วันดีคืนก็มี สปช.บางคนไปบอกให้ตัดคำว่าผู้แทนข้าราชการท้องถิ่น ในคณะกรรมการชุดต่างๆ ออกทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ทั้งๆในปี 2550 กำหนดไว้ว่ามี 4 ฝ่าย ประกอบไปด้วย ผู้แทนส่วนราชการ/ผู้แทนผู้บริหารท้องถิ่น/ผู้แทนข้าราชการส่วนท้องถิ่น/ผู้ทรงคุณวุฒิ ทุกวันนี้ยังไม่ได้ใช้เลย อยู่ๆก็จะให้มีคณะกรรมการเพียง 3 ฝ่าย เหมือนเดิมแต่สุดท้ายกรรมาธิการเขาให้มี 4 ฝ่ายตามร่าง รธน.นี้... 


....ผมเชื่อว่า ผู้บริหารท้องถิ่น หลายๆคนที่มีคุณธรรม ได้รับการยอมรับจากประชาชน เขาเข้าใจและเห็นด้วยเพราะในอนาคตท้องถิ่นจะต้องแบกภาระในหลายๆเรื่อง เช่นการศึกษา แม้แต่ตำรวจ เชื่อว่าผู้บริหารท้องถิ่นส่วนใหญ่คงไม่เอาแบบนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นหลักๆ ที่ทำลายองค์กรเพียงเพราะเข้าใจว่าต้องการรักษา สถานะภาพตัวเองอย่างทุกวันนี้ ผมว่าเสียเวลาเปล่า ควรยอมรับการปฎิรูปองค์กรเพื่ออนาคตที่ดีกว่า....


...และยอมรับกติกา ควรให้เกียรติกันและกันระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำและที่สำคัญ พวกเราก็มาทำงานให้กับองค์กรท้องถิ่นเพื่อบริการประชาชนในท้องถิ่น รับเงินเดือนจากภาษีประชาชน เรามาช่วยกันทำให้เขามีความอยู่ดีมีสุข จะดีมากกว่านะครับ...

 

 

 

....................................................

ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ตรงนี้อีกทีนะครับ เพื่อพวกเราชาวท้องถิ่นจะได้อ่านได้สะดวกอีกทาง

พบท้องถิ่นจังหวัดหารือแนวทางประเมิน ปลัด อบต.8ใหม่

ร่วมเรียกร้องระเบียบโบนัสท้องถิ่นทั่วประเทศ

โคงการศึกษาดูงาน หลวงพะบาง สปป.ลาว

: