จากรายงานของคณะกรรมาธิการสภาปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น สภาปฎิรูปแห่งชาติพออ่านๆเนื้อหาแล้วพวก
เราเองที่ติดตามข่าวสารก็พอจะมองภาพเห็นเนื้อหาบ้างว่าจะไปในทิศทางใด แต่อยากสรุปความเห็นซัก
หน่อยเพื่อเป็นข้อสังเกตบางประการ
1.กรรมาธิการจะสรุปปัญหาท้องถิ่น 5เรื่องคือ โครงสร้าง,หน้าที่ / การกำกับดูแล /การคลังท้องถิ่น / บุคคล /
กฎหมายการ ปกครองท้องถิ่น
2.ก็จะมีข้อเสนอแนะต่างๆแบ่งออกเป็นด้านๆตามรายละเอียดด้านบน เช่น
2.1 โครงสร้างก็พูดถึงการควบรวมเพื่อเพิ่มศักยภาพท้องถิ่น / ยกฐานะ อบต.เป็นเทศบาล / มีองค์กรปกครอง
ท้องถิ่นสองรูปแบบ ,การควบรวมองค์กรปกครองท้องถิ่น ,เปลี่ยนชื่อเป็น องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น
บัญญัติใหม่ให้ท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ,มีคณะกรรมการกระจายอำนาจแห่งชาติ /
มีสภาการปกครองท้องถิ่นแห่งชาติ ( สทช) มีฐานะเทียบเท่ากระทรวงจะเข้ามาทำหน้าที่แทน
คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น , สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี ,
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น , กระทรวงมหาดไทย
2.2การกำกับดูแลให้กำกับดูแลไม่ใช่บังคับบัญชา /มีศาลท้องถิ่น /มีสมัชชาพลเมืองมาช่วยทำข้อบัญญัติ
ตรงนี้ต้องดูว่า หมายความว่าไง แบบไหน ทำอย่างไร / การถอดถอนตรวจสอบ โดยประชาชน อย่างไร
2.3การคลังท้องถิ่น เพิ่มฐานภาษีให้ท้องถิ่นมีรายได้มากขึ้น เช่นภาษีนิติบุคคล ก็จะมีการแบ่งสันปันส่วนให้
ท้องถิ่นด้วย สัดส่วนภาษีมูลค่า เพิ่มปัจจุบัน ท้องถิ่นได้ประมาณ 22%ก็จะได้เพิ่มขึ้นเป็น 40 % รอดูกัน
ปกติส่วนกลางจะไม่ยอมเฉือนทรัพยากรการบริหารมาให้คนอื่น ง่ายๆ และเพิ่มส่วนแบ่งรายได้จากภาษีจัดสรร
ต่างๆให้มากขึ้น ก็มาจากรายได้ อปท.เราไม่พอใช้นั่นเอง
2.4 งานบุคคล ปัญหา มี ก.หลายคณะ / ความอ่อนแอระบบคุณธรรม มีการเรียกรับเงินในการบรรจุแต่งตั้ง
/ ปัญหาภาระค่าใช้ จ่ายด้าน บุคคลากร / ปัญหาการโอนย้าย/ ปัญหาการกำกับดูแลอยากให้พวกเรามอง
ตรงนี้เป็นหลักในการปฏิรูปท้องถิ่นเพราะเกี่ยวกับพวกเรา โดยตรงจริงอยู่ ประเด็นอื่นๆก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อน
กว่ากัน แต่การบริหารงานบุคคลจะทำให้ระบบที่ใช้คนในองค์กรเกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล เมื่อเพิ่ม
มิติต่างๆจากการปฏิรูปเข้ามา ก็จะทำให้ เนื้อหาการปฏิรูปท้องถิ่นเกิดมรรคและผล ไม่อย่างนั้นวิ่งตามทุก
ประเด็น ก็จะไม่ได้อะไรซักอย่าง ซึ่งปัญหาที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการ ก็ประมวลได้แบบนี้ว่าต้องยึดหลัก
ความสามารถ / สมรรถนะ / ความยืดหยุ่นการมีส่วนร่วม โดย กำหนดให้มีการตรวจสอบpre และ
post Audit ผ่านคณะกรรมการ 2 คณะ คือคณะกรรมการข้าราชการส่วนท้องถิ่น ( ก.ถ.) เป็น pre audit
และคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมท้องถิ่น ตรรกะปัญหามองถูกแล้ว แต่วิธีแก้ไข มันซับซ้อนเพราะคน
ทำให้ระบบเสีย เป็น post audit เป็นผู้ตรวจสอบการใช้อำนาจ ผู้บริหาร
2.5 ปฏิรูปกฎหมายท้องถิ่น เรื่องอำนาจหน้าที่ / ความสัมพันธ์ระหว่างท้องถิ่นด้วยกันและท้องถิ่นกับชุมชน /
รายรับและรายได้ท้องถิ่น
2.6 ระเบียบท้องถิ่น ตรงนี้คืองานที่เราปฏิบัติมาประจำและเกิดความไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ก็ดีนะ
ครับที่ คณะกรรมาธิการแยก ประเด็นออกมาจาก กฎหมายเพราะเป็นรายละเอียดและวิธีการปฏิบัติงานจริง
ถ้ายังคลุมเครือก็จะทำให้กฎไกการบริการสาธารณะหยุด และเสียได้เหมือนกันทั้งๆที่การปฏิรูป ส่วนอื่นๆนั้น
ได้รับการ เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ในประเด็นนี้หลักๆคือ / การวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ อปท.ที่เกิดการ
ตีความจนมีการทักท้วงจากหน่วยงานผู้ตรวจสอบแทบจะทุกเรื่อง จนต้องทำแต่โครงสร้าวพื้นฐานอย่างเดี่ยว
ถึงจะบอกว่าทำงานได้ถูกต้อง / ระเบียบต่างๆบังคับใช้คลุมเครือ ล้าสมัยไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงในส่วน
อื่นๆ ในส่วนนี้ก็คืองานทั้งหมดที่ อปท.เราทำอยู่นั่นเอง /ทั้งการเดินทางไปราชการ /อบรม /
กำหนดราคา กลาง /อปพร /ทุนการศึกษา ฯลฯ ก็คงดีขึ้นซึ่งก็ควรจะมีการแก้ไขมานานแล้ว เพราะตัวที่
ใช้อยู่มัน หมดอายุการใช้งานมาเป็นสิบ ปีแล้วก็ยังใช้อยู่ จะแก้ไขก็ยุ่งยากไปหมด การทำงานของ
หน่วยปฏิบัติก็ ทำให้เกิดการรวนทั้งระบบเพราะ เครื่องมือที่ใช้มันผิดประเภทและหมดอายุ นานแล้ว
ซึ่งนอกจากรัฐธรรมนูญที่ต้องตราหลายๆเรื่องเข้าไป เช่นอำนาจหน้าที่ อปท.ว่าทำอะไรได้บ้าง
และไม่ต้องมานั่งตีความอีก และอื่นๆอีกมากที่ต้องเขียนในรัฐธรรมนูญ ยังมีพระราชบัญญัติที่จำเป็นที่ต้อง
ตราเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับการกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น
จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญยิ่งที่จะตอบโจทก์ของสมมุติฐานของปัญหาท้องถิ่นที่ถูกตั้งไว้จากคณะ
กรรมาธิการ ที่พวกเราต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิดคือ
- พระราชบัญญัติการกระจายอำนาจแห่งชาติ พ.ศ.....
- พระราชบัญญัติองค์กรบริหารท้องถิ่น พ.ศ....
- พระราชบัญญัติการบริหารงานบคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ....
- พระราชบัญญัติการเงินการคลังองค์กรปกครองท้องถิ่น พ.ศ....
ซึ่งต้องออกให้เสร็จสิ้นเมื่อกฎหมายแม่คือรัฐธรรมนูญได้มีผลใช้บังคับแล้ว
การเปลี่ยนแปลงท้องถิ่นในครั้งนี้เมื่อดูบริบทต่างๆแล้ว ก็คือปัญหาของท้องถิ่นไทยในช่วง 20
ปีที่ผ่านมา มันหมกหมมจนเดินต่อไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ท้องถิ่นได้รับการสังคายนา
มาเราได้ลองผิดมานาน จนระบบมันเดินต่อไปไม่ไหว มาทุกด้านจะเอาคนลงมาก็มีการ เรียกรับเงิน
ได้คนไม่มีความสามารถ/ การทำงานตามหน้าที่ต่างๆต้องตีความทุกว่าทำได้ไหม / เรื่อง ราย
ได้แทบไม่ พอยาไส้ถ้าเป็นเอกชนเจ๊งไปนานคนล้นสำนักงาน แต่ไม่มีงบพัฒนาอะไรได้เลย ก็หวังว่าคนที่
มีหัวใจเป็น ท้องถิ่นคงต้องสนใจอย่างใกล้ชิด เพราะรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ต่างๆของชาวท้องถิ่นก็จะ
ทยอยให้เห็น หน้าค่าตา ออกมาเรื่อย ถ้าเราเองยังอยู่บ้านหลังนี้ก็ต้องช่วยกัน
ดูแล และรักษาเพื่อความสง่างามและเพื่อประชาชนที่จะได้รับอานิสสงค์ในการปฏิรูปในครั้งนี้
สายสิทธิ์ ไท้ทอง
นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี
9 เมษายน 2558
|